ส่วนผสม
1. กุ้งฝอย แล้วแต่ว่าจะเยอะหรือน้อย
2. เกลือป่น 1 ถ้วยหรือมากกว่านั้น
3. ข้าวคั่ว 2 ถ้วยตวง
4. กระเทียมโขลกละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
5. ข้าวแดงบดละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ (ไม่ใส่ก็ได้)
 
วิธีทำ
1. กุ้งฝอยเลือกเศษผงออกให้หมด ล้างให้สะอาด ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
2. เคล้าเกลือ กระเทียมกับกุ้งให้ทั่ว หมักไว้ 2 คืน
3. เติมข้าวคั่วและข้าวแดงลงในกุ้ง เคล้าให้ทั่ว อัดลงกระปุกดินเผาหรือขวดปิดฝาให้สนิท เก็บตากแดดไว้จนกุ้งมีกลิ่นหอมก็ใช้ได้ ประมาณ 7-8 วัน
4. กุ้งจ่อมแต่เดิมนำมาปรุงด้วยหอมซอย ขิงซอย ใบมะกรูด พริกขี้หนูหั่นฝอยให้มีรสเปรี้ยวเค็ม รับประทานกับผักสด
 
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://kroechtaitoblogger.blogspot.com/p/blog-page_3805.html

ปลาส้มเป็นการแปรรูปอาหารแบบหนึ่ง ปลาที่เอามาทำส่วนมากเป็นที่ก้างเยอะ เช่น ปลาตะเพียน ปลาจีน ปลานวลจันทร์ เพราะพอหมักได้ที่แล้วก้างจะนิ่มไม่ติดคอ

ส่วนผสม 
1. ปลา 1 กิโลกรัม 
2. แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ
3. เกลือ 400 กรัม
4. น้ำ 1 ลิตร
5. ข้าวสุก 1 ถ้วยตวง
6. กระเทียม 1/2 ถ้วยตวง
 
วิธีทำ 
1. ขอดเกล็ด ควักไส้ บั้งนิดนึง ล้างให้สะอาด
2. แช่ในน้ำผสมแป้งข้าวเจ้าช่วยแก้คาวแช่ไม่นานเอาขึ้นได้ ใส่เกลือผสมน้ำแช่ปลาไว้ 3-4 ชม.หรือจนกว่าเนื้อปลาจะแข็ง
3. ข้าวต้องล้างน้ำก่อนแล้วพักให้สะเด็ดน้ำ โขลกกระเทียมแล้วเอาไปผสมกับข้าวสุกที่เตรียมไว้คลุกเคล้าให้เข้ากัน
4. เอากระเทียมกับข้าวที่คลุกไว้คลุกเคล้าให้เข้ากับปลาใส่โหลหรือถุง หมักไว้จนมีกลิ่นเปรี้ยวประมาณ 3-5 วัน
 
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://kroechtaitoblogger.blogspot.com/p/blog-page_3805.html

กะปิที่ดีต้องมีกลิ่นที่หอม ไม่คาว ไม่เค็มจนเกินไป และที่สำคัญต้องไม่มีสิ่งเจือปนใดๆทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นผงชูรส สารกันบูด หรือแม้แต่สีผสมอาหาร กะปิที่ดีจะเป็นสีออกม่วงๆซึ่งต้องเป็นสีที่เกิดตามธรรมชาติของกุ้งหรือเคยเท่านั้น

ส่วนผสม

1. กุ้งฝอย

2. เกลือเม็ด

วิธีทำ

1. กุ้งฝอยนำมาล้างคัดเอาพวกเศษหินหรือสิ่งแปลกปลอมออกให้หมด ล้างสัก3-4 น้ำ

2. ตวงกุ้งในอัตราส่วน กุ้ง 8 ส่วน เกลือ 1ส่วน คลุกเคล้าให้เข้ากันโครกตำให้กุ้งกับเกลือเข้ากันเป็นเนื้อเดียวกัน

3. ตักใส่กะละมังหรือถาดแล้วนำไปตากแดดสัก 5 วัน ที่ตากแดดก็เพื่อให้แห้งและเป็นการหมักไปในตัว

4. หลังจากนั้น 5 วันกะปิจะเริ่มส่งกลิ่นหอม เนื้อกะปิจะออกสีม่วง และเนื้อกะปิจะแห้งซึ่งผิดกับวันแรกที่เนื้อกะปิจะค่อนข้างแฉะหลังจากนี้ก็นำกะปิมาปั่นให้ละเอียดโดยใช้เครื่องปั่นทั่วไป ถ้าไม่มีเครื่องปั่นก็ใช้ครกตำอีกรอบจนเนื้อกะปิละเอียด

5. นำไปตากอีก 5 วัน เพื่อให้แห้งอาจจะใช้ทัพพีตักเนื้อกะปิพลิกไปมาเพื่อให้แห้งทั่วถึง หลังจากเนื้อกะปิแห้งแล้วก็ตักใส่ภาชนะที่แห้งและมีฝาปิดมิดชิด เก็บไว้กินได้ 1 ปีโดยไม่ต้องแช่ตู้เย็น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://oknation.nationtv.tv/blog/nonglek/2009/07/05/entry-1